19 ธันวาคม 2559

นพ.สสจ.ยะลา ร่วมเปิดตัว“สุราษฎร์ธานีเมืองสมุนไพรครบวงจร”1 ใน 4 ของประเทศ ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0


เช้าวันนี้ (19 ธันวาคม 2559) ที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี นายแพทย์อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ร่วมเยี่ยมชมพื้นที่ต้นแบบดีเด่นแห่งชาติ ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นที่ และการแพทย์ทางเลือก ปี 2559 ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ ยอดเยี่ยม ประสบผลสำเร็จ ให้บริการแบบบูรณาการผสมผสานศาสตร์แพทย์ไทย กับแผนปัจจุบัน มีงานวิจัย นวัตกรรมเป็นที่ยอมรับของชุมชน โดยมีนายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดตัวโครงการ "มหานครเวชพฤกษา ภูมิปัญญาเมืองคนดี”(Suratthani Herbal City)


นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาเมืองสมุนไพรครบวงจรระหว่างจังหวัดสุราษฏร์ธานี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลมีนโยบายให้พัฒนาสมุนไพรไทยอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยกำหนดแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย พ.ศ.2560-2564 ให้สมุนไพรสร้างความมั่นคงในด้านสุขภาพและเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม มีการส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของอาเซียน มีมูลค่าของวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เท่าตัว ภายในปี 2564 ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0


นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า สุราษฎร์ธานี เป็น 1 ใน 4 จังหวัดนำร่องพัฒนาสมุนไพรไทยครบวงจรตามนโยบายรัฐบาล ได้พัฒนาสถานบริการสาธารณสุข ด้วยกลยุทธ์ 6 ด้าน รองรับการพัฒนาเมืองสมุนไพร ดังนี้ 1.เสริมสร้างศักยภาพบุคลากรแพทย์แผนไทย โดยส่งเจ้าหน้าที่อบรมเพิ่มเติม เช่น ใช้สมุนไพรหนามหวายขม” ในการรักษาโรคตาต้อ, การรักษาโรคสะเก็ดเงิน, การรักษาด้วยยาปรุงสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย(ยาต้ม)  เป็นต้น ปัจจุบันมีแพทย์แผนไทย 135 คน ในสถานบริการทุกระดับ 2.การพัฒนาระบบสารสนเทศ ติดตามการบันทึกข้อมูล 43 แฟ้มให้ถูกต้อง เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์แนวทางการพัฒนางานได้ถูกต้อง 3.การบริหารยาสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพ ปรับปรุงบัญชียาสมุนไพรจังหวัดอย่างต่อเนื่องทุกปี มีการใช้ยาสมุนไพรทดแทนยาแผนปัจจุบัน เช่น ขมิ้นชันแคปซูล ทดแทนยาขับลม , เพชรสังฆาต ทดแทนยารักษาริดสีดวงทวาร เป็นต้น พร้อมกำหนดมาตรฐานการบรรจุและการตรวจสอบยาสมุนไพรแห้งจากผู้ผลิต 4.พัฒนาระบบบริการการแพทย์แผนไทยให้มีมาตรฐานผ่านเกณฑ์โรงพยาบาลส่งเสริมงานแพทย์แผนไทย 137 แห่ง จากทั้งหมด 200 แห่ง 5.เพิ่มการเข้าถึงบริการการแพทย์แผนไทยมากขึ้น โดยเปิดคลินิกแพทย์แผนไทยคู่ขนานในโรงพยาบาล 17 แห่งจาก 20 แห่ง มีโครงการกระเป๋ายาสมุนไพรในพื้นที่ 11 อำเภอ รวม 3,004 ครัวเรือน มีโครงการสมุนไพรริมรั้วเพื่อการพึ่งตนเอง ในพื้นที่ 8 อำเภอ และ 6.สร้างความเข้มแข็งให้เครือข่ายแพทย์แผนไทย มีการแต่งตั้งคณะทำงานในการพัฒนางานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บริการผู้ป่วยนอก พัฒนาการนวด อบ ประคบสมุนไพร ฯลฯ 


นอกจากนี้ ได้พัฒนาสถานบริการสาธารณสุขภาครัฐ ด้านแพทย์แผนไทยเป็นแหล่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ บำบัดรักษาโรคด้วยสมุนไพร โดยมีศูนย์สมุนไพร 5 แห่ง ได้แก่ศูนย์สมุนไพร รพ.สต.เชี่ยวหลาน ศูนย์สมุนไพรเขื่อนรัชประภา ศูนย์สมุนไพรบ้านต้นยวน อ.พนม ศูนย์สมุนไพรเศรษฐกิจพอเพียง อ.ดอนสัก และศูนย์สมุนไพรบ้านท่าสะท้อน อ.พุนพิน ซึ่งได้รับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ 




ทั้งนี้ โดยความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมและพัฒนาการปลูก แปรรูป และการใช้สมุนไพรครบวงจรในจังหวัด และเป็นศูนย์กลางด้านการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรในภาคใต้ ผ่านโครงการมหัศจรรย์สมุนไพรไทยเพื่อการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดำเนินการ 3 ส่วน ต้นทาง มีพื้นที่ปลูกสมุนไพร การอนุรักษ์ป่าชุมชน เครือข่ายหมอพื้นบ้าน กลางทาง โรงแปรรูปสมุนไพร โรงผลิตและโรงงานสารสกัด ตลาดกลางสมุนไพร และปลายทาง ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการแพทย์แผนไทย แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กระเป๋ายาสมุนไพรชุมชน สมุนไพรริมรั้ว และบริการการแพทย์แผนไทยครบวงจร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น