20 ธันวาคม 2559

หน้าฝนกับ 8 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพแฝงความอร่อย

ฝนเอยฝนมา... ได้เวลาหน้าฝนอันเปียกปอนมาเยือนแล้ว ไม่ใช่แค่ความชุ่มฉ่ำเท่านั้นนะ รับรองว่า โรคเพียบ ! ใครที่ไม่อยากป่วยหน้าฝนก็ลองมาดู 8 เมนูอาหารจานเด็ดต้อนรับหน้าฝน รับมือให้พร้อมจะได้ไม่ป่วย แถมอร่อยด้วย
ถ้าอากาศจะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตกแบบนี้ มีหวังร่างกายคงจะต้านทานไม่ไหว ปรับตัวไม่ทันเอาได้ง่าย ๆ ยิ่งคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำก็คงต้องดูแลร่างกายกันให้มากหน่อย เพราะโรคที่มากับฝนนั้นเยอะเหลือเกิน วันนี้กระปุกดอทคอมมี 8 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพต้านโรคในช่วงหน้าฝนมาแนะนำ ซึ่งในแต่ละเมนูมีทีเด็ดที่สามารถช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายอยู่ในอุณหภูมิที่ปกติและคงที่ และนอกจากจะช่วยดูแลรักษาและบำรุงสุขภาพทางกายได้แล้ว ยังจะพบกับความอร่อยที่แฝงมากับเมนูเหล่านี้อีกด้วย

1. แกงเลียง
ถ้าอากาศจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตกทุกวันแบบนี้ ยังไงเสียก็คงหนีอาการเป็นหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหลไม่พ้นแน่นอน ถ้าขึ้นชื่อว่าเมนูอาหารแก้หวัดก็ต้องนึกถึงเมนูแกงเลียงเป็นอันดับแรก ๆ ตักซดร้อน ๆ จมูกโล่งโปร่งสบายดีนักแล ทีเด็ดก็อยู่ตรงที่ความเผ็ดร้อนจากเครื่องแกงที่จัดมาทั้งกระชาย พริกไทยดำ และหอมแดง และผักที่ใส่ลงไปในแกงเลียงนี่แหละ เขาว่ากันว่า ช่วยแก้หวัดชะงัดนัก [สูตรจาก คุณปูขาเก เซมารู]
ส่วนผสม แกงเลียง
          • พริกไทยดำ 1 1/2 ช้อนชา
          • กระชาย 1-2 แง่ง
          • หอมแดง 3-4 หัว
          • กะปิ 1 ช้อนชา
          • กุ้งแห้งป่นละเอียด 1/3 ถ้วย
          • น้ำซุปไก่ 3 ถ้วย
          • บวบ หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
          • ฟักทอง หั่นเป็นชิ้นพอคำ 200 กรัม
          • ซูกินี หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
          • ข้าวโพดอ่อน หั่นสไลซ์ 150 กรัม
          • เห็ดกระดุม 150 กรัม
          • กุ้งสด 200 กรัม
          • ใบแมงลัก 80 กรัม
          • น้ำปลา (ปรุงรส)
วิธีทำแกงเลียง
          • 1. เตรียมเครื่องแกงก่อน โดยโขลกพริกไทยกับกระชายแล้วใส่หอมแดงลงไปโขลกให้ละเอียด ตามด้วยกะปิ โขลกรวมกัน จากนั้นจึงใส่กุ้งแห้งป่นลงไปโขลกรวมกันอีกครั้งให้ละเอียดเป็นอันเรียบร้อย
          • 2. ใส่น้ำซุปไก่ลงในหม้อ ต้มให้เดือดแล้วใส่เครื่องแกงลงไป
          • 3. พอน้ำแกงเดือดก็ใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อน ต้มพอเดือดอีกครั้งจึงใส่ผักที่เหลืออื่น ๆ ลงไป (จริง ๆ ขึ้นอยู่กับการหั่นด้วยนะคะ อย่างฟักทองนี้แม่ปูหั่นชิ้นเล็กก็จะสุกไวค่ะ) พอน้ำเดือดปุ๊บก็ใส่ บวบ ฟักทองอ่อน ซูกินี และเห็ดลงไป
          • 4. พอน้ำแกงเดือดอีกครั้งก็ใส่กุ้งสดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบ ชิมรส
          •  5. พอส่วนผสมเดือดอีกครั้งก็ใส่เสน่ห์ของแกงเลียงลงไป คือ ใบแมงลักนั่นเอง
          • 6. ตักเสิร์ฟร้อน ๆ ซดน้ำให้ชุ่มคอชื่นใจ หวัดหายสบายดี 

2. แกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา
ถ้ารู้สึกว่าเริ่มจะเป็นหวัดลงคอแล้ว มีอาการระคายเคืองที่คอจะกลืนจะกินอะไรก็ค่อนข้างลำบาก แต่จะให้กินโจ๊กจนกว่าจะหายไข้ก็คงขาดสารอาหาร ก็ลองมาดูเมนูแกงจืดรสชาติเบา ๆ ไว้ซดร้อน ๆ ให้ร่างกายได้อบอุ่นกันหน่อยกับเมนูแกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา ถึงจะชื่อว่าแกงจืดแต่รสชาติไม่จืดชืดแน่นอน แถมยังเป็นเมนูที่กินง่าย ๆ เพราะเป็นเต้าหู้และเนื้อปลานุ่ม ๆ คนที่กำลังเป็นหวัดลงคอก็สามารถกินได้ [สูตรจาก คุณบ่งบ๊ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม]
ส่วนผสม แกงจืดเต้าหู้
          • เต้าหู้ขาวแบบนิ่ม
          • กระเทียม 
          • พริกไทย 
          • รากผักชี
          • เนื้อปลาอินทรีบด (หรือเนื้อปลากรายบด)
          • แตงกวา (หรือมะระสด) คว้านเม็ดออก
          • เห็ดหอมสับ
          • น้ำเปล่า
          • ผงซุปไก่
          • กระเทียมเจียว
          • ผักชี-ต้นหอม
          • พริกไทยป่น
วิธีทำแกงจืดเต้าหู้
          • 1. หั่นแบ่งเต้าหู้ขาวเป็น 4 ชิ้นแล้วผ่าครึ่งเพื่อให้สอดไส้เข้าไปได้ หั่นต้นหอมและผักชีหั่นเป็นท่อน ๆ พักไว้
          • 2. โขลกสามเกลอ กระเทียม พริกไทย และรากผักชีให้ละเอียด แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเนื้อปลา
          • 3. นำเนื้อปลาที่ปรุงรสแล้วยัดไส้ไปในเต้าหู้และแตงกวา
          • 4. นำน้ำใส่หม้อ ตั้งไฟให้เดือด ใส่ผงซุปไก่ลงไป (อาจใส่เห็ดหอมหั่นลงต้มไปด้วย เพื่อให้ได้กลิ่น)
          • 5. เมื่อน้ำเดือดจัด ใส่เต้าหู้และแตงกวายัดไส้ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว (หรือน้ำปลา, เกลือป่น) 
          • 6. ถ้าเต้าหู้และแตงกวาลอยขึ้นมาแสดงว่าสุกดีแล้ว ก่อนปิดไฟ ให้แบ่งใส่ต้นหอมและผักชีบางส่วนลงไป ก่อนเสิร์ฟ โรยต้นหอม ผักชี และพริกไทย ใส่กระเทียมเจียว 

3. ซุปขิง
หรือถ้ายังรู้สึกว่าจมูกโล่งไม่พอ คงต้องเจอซุปขิงถ้วยนี้เลย ได้ความเผ็ดร้อนของขิงไปเต็ม ๆ แถมเมนูนี้ยังเป็นเมนูอาหารสุขภาพล้างพิษดี ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะขิงมีสรรพคุณช่วยในเรื่องการขับเหงื่อที่ถือว่าเป็นการขับสารพิษในระดับผิวหนังให้หมดไปได้ ช่วยขับลมในช่องท้อง แถมยังสามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติอีกด้วย [สูตรจาก นิตยสาร Health & Cuisine]
ส่วนผสม ซุปขิง (สำหรับ 4 ที่)
          • ขิงอ่อน ปอกเปลือกซอยบาง 3 ถ้วย
          • มันฝรั่งหั่นเต๋า 3  ถ้วย
          • หอมหัวใหญ่สับ 1/2 ต้น
          • หอมฝรั่งซอย 1 ถ้วย 
          • ไวน์ขาว 1/4 ถ้วย
          • วิปปิ้งครีมสด 1/2 ถ้วย
          • น้ำสต๊อกไก่ 6 ถ้วย
          • เกลือ 1 1/2  ช้อนชา
          • น้ำมันมะกอกสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ
          • อาหารทะเลสด 2 ถ้วย เช่น หอยเชลล์สด กุ้งทะเลสด และเนื้อปลาทะเลสด หั่นเป็นชิ้นพอคำ
          • พริกไทยดำป่น เล็กน้อย
          • ผักชี (ตกแต่ง)
วิธีทำ ซุปขิง
          • 1. อุ่นน้ำสต๊อกให้เดือดแล้วใส่อาหารทะเลลงลวกจนสุก ตักขึ้นพักไว้
          • 2. ผัดหัวหอมสับกับน้ำมันมะกอกด้วยไฟอ่อนจนสุกและใส จึงใส่ขิง ต้นหอม พริกไทย และมันฝรั่งลงไปผัดสักครู่จนเริ่มสุกนิ่ม เติมไวน์ขาวลงไปแล้วเร่งไฟขึ้น ผัดต่ออีกประมาณ 1 นาที เติมน้ำสต๊อกที่ลวกเนื้อสัตว์เมื่อครู่ลงไป ลดไฟลงเป็นไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ต้มส่วนผสมจนมันฝรั่งนิ่ม ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น 
          • 3. นำส่วนผสมที่ผัดไว้และเย็นแล้วใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นจนได้ซุปเนื้อละเอียดเนียนดี เทกรองผ่านกระชอน ใช้ทัพพียีส่วนผสมซุปให้ผ่านกระชอนลงไปมากที่สุด
          • 4. เทซุปที่ได้กลับใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง ต้มให้ร้อนอีกครั้ง เมื่อส่วนผสมร้อนแล้วปิดไฟ เติมครีมสด คนพอเข้ากัน ตักซุปใส่ถ้วยแล้วใส่เครื่องทะเลที่ลวกไว้ลงไป โรยด้วยผักชี พร้อมเสิร์ฟ

4. น้ำพริกสมุนไพร
เมนูน้ำพริกถ้วยนี้เรียกได้ว่า ยกกองทัพสมุนไพรเผ็ดร้อนที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลในร่างกายมาไว้ในถ้วยเดียว ทั้งกระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และข่า แถมกินแล้วไม่อ้วนด้วย เพราะแคลอรีต่ำ ดูแปลกใหม่แต่ได้ประโยชน์เห็น ๆ [สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน]
ส่วนผสม น้ำพริกสมุนไพร
           • หอมแดงซอย 100 กรัม
           • กระเทียมซอย 75 กรัม
           • ตะไคร้ซอย 25 กรัม
           • ใบมะกรูดซอย 10 กรัม
           • พริกชี้ฟ้าแห้งหั่นท่อนสั้น ๆ 10 กรัม
           • กุ้งแห้ง 25 กรัม
           • ข่าซอย 5 กรัม
           • ไข่ต้ม 2 ฟอง
           • น้ำมันพืชสำหรับทอด
           • น้ำปรุงรส
           • ผักสดและผักต้มตามชอบ
ส่วนผสม น้ำปรุงรส
          • น้ำมะขามเปียกคั้นข้น ๆ 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลปีบ 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
          • 1. ทำน้ำปรุงรส โดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปีบ ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอมีลักษณะเหนียวข้น ปิดไฟ เตรียมไว้
          • 2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า กุ้งแห้ง และพริกชี้ฟ้าลงทอดตามลำดับจนสุกเหลืองกรอบ จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
          • 3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำปรุงรสลงไป พอร้อนแล้วใส่สมุนไพรที่ทอดไว้ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่วดี ปิดไฟ ยกลง พักไว้พออุ่น จัดใส่ถ้วยรับประทานกับไข่ต้ม ผักสด และผักต้มตามชอบ

5. ปลาแซลมอนย่างใบชะพลู
ปลาแซลมอนย่างใบชะพลูจานนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่จะช่วยปรับสมดุลของร่างกายให้กลับมาอยู่ในสภาวะที่ปกติ เป็นอาหารสุขภาพย่อยง่าย ๆ ทำจากเนื้อปลาแซลมอนนุ่ม ๆ และยังหอมกลิ่นใบชะพลูด้วย ที่สำคัญคือทำง่ายมาก ๆ 
ส่วนผสม ปลาแซลมอนย่างใบชะพลู
          • เนื้อปลาแซลมอน (หั่นชิ้นยาวประมาณ 3 นิ้ว) 200 กรัม
          • ใบชะพลู 20 ใบ
          • น้ำมันพืช เล็กน้อย
          • เกลือป่นและพริกไทยดำบดหยาบ เล็กน้อย
ส่วนผสม น้ำจิ้ม
          • น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ
          • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
          • น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
          • พริกขี้หนูหั่นแว่น 2 เม็ด
วิธีทำ
          • 1. โรยเกลือและพริกไทยดำบนเนื้อปลาแซลมอน จากนั้นห่อด้วยใบชะพลู เสียบไม้แล้วย่างบนกระทะที่ใส่น้ำมันเล็กน้อยจนเนื้อปลาสุก
          • 2. เตรียมส่วนผสมน้ำจิ้มโดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปีบ เกลือ และน้ำเข้าด้วยกัน ต้มจนเดือด ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ใส่พริกขี้หนู ชิมรส เสิร์ฟพร้อมปลาแซลมอนย่าง

6. บัวลอยน้ำขิง
มาดูเมนูของหวานไล่หวัดอันเลื่องชื่อกันบ้าง จะเป็นอะไรไปได้นอกเสียจาก บัวลอยน้ำขิง อย่างที่รู้ ๆ กันดีอยู่แล้วว่าสรรพคุณเจ๋งขนาดไหน ไหนจะน้ำขิงเผ็ดร้อนที่ซดแล้วโล่งจมูกคล่องคอและแก้หวัดได้แล้ว ยังมีงาดำบดเพิ่มโปรตีนให้ร่างกายอีกด้วย [สูตรจาก คุณ Three days before Valentine's สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม]
ส่วนผสม แป้งบัวลอย
          • แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
          • แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
ส่วนผสม ไส้งาดำ
          • งาดำป่น 1 ถ้วย
          • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
          • เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม
ส่วนผสม น้ำขิง
          • น้ำเปล่า 5 ถ้วย
          • ขิงแก่เผาไฟ 3 - 4 ชิ้น
          • น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
          • เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
          • 1. ทำไส้งาดำ โดยผสมน้ำตาลทรายกับงาดำป่น และเนยถั่วเข้าด้วยกัน (ถ้าไม่ชอบหวานให้ลดน้ำตาลลงได้) จากนั้นปั้นเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซ เตรียมไว้
          • 2. ทำแป้งบัวลอย โดยผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเขียว และน้ำเข้าด้วยกัน นวดจนแป้งเนียนแล้วลองปั้นดู ถ้ามีรอยแป้งแตกให้เติมน้ำได้เล็กน้อยค่ะ 
          • 3. ทำน้ำขิง โดยปอกขิงที่เผาไฟสัก 2-3 ชิ้น (จะฝานเป็นแผ่นหรือทุบเล็กน้อยก็ได้ค่ะ) ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่ขิงลงไปต้ม ตามด้วยน้ำตาลอ้อย จากนั้นรอให้เดือดประมาณ 5 นาทีแล้วยกลงจากเตา พักไว้ค่ะ
          • 4. นำไส้ขนมออกมาจากตู้เย็น ปั้นแป้งเป็นลูกกลม ๆ กดให้แบน วางไส้ขนมลงไปแล้วห่อแป้งให้มิด (เวลาต้มไส้จะได้ไม่แตก) พอห่อเรียบร้อยแล้วนำไปคลุกลงผงแป้งข้าวเหนียว (เพื่อขนมจะได้ไม่ติดกันค่ะ) ปั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนไส้ขนมหมดนะคะ *อย่าห่อแป้งหนามาก เวลารับประทานจะต้องอ้าปากกว้างเห็นลิ้นไก่นะคะ*
          • 5. นำหม้อน้ำขิงขึ้นตั้งไฟรอให้น้ำขิงเดือดก่อนแล้วนำขนมลงต้มทันทีค่ะ เมื่อขนมสุก ตัวขนมจะลอยขึ้นเหนือน้ำ ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน

 7. ข้าวฟ่างเปียกสาเกเชื่อมนมสด
อีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่เหมาะกับหน้าฝนนี้สุด ๆ เพราะข้าวฟ่างเป็นธัญพืชมากคุณค่า มีทั้งเส้นใยอาหาร และแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น วิตามินบี 3 ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส นั่นคือเหตุผลที่ว่า ถ้ารับประทานข้าวฟ่างเป็นประจำ จะทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีนั่นเอง [สูตรจาก นายหมีพูห์]
ส่วนผสม ข้าวฟ่างเปียก
          • ข้าวฟ่าง
          • นมสดรสหวาน
          • ดอกอัญชัญ
          • สาเกเชื่อม
          •  ดอกพวงชมพู (โรยหน้า)
วิธีทำ
          • 1. ต้มข้าวฟ่างด้วยน้ำดอกอัญชัญคั้นจนข้าวฟ่างสุกได้ที่
          • 2. หั่นสาเกเชื่อมใส่ก้นถ้วย
          • 3. ตักข้าวฟ่างที่หุงแล้วใส่ลงไปแล้วเกลี่ยให้มีช่องตรงกลาง
          • 4. ใส่สาเกเชื่อมลงไปในช่องตรงกลาง
          • 5. เทนมสดรสหวานราดลงไป แต่งด้วยกลีบดอกพวงชมพูให้สวยงาม

 8. น้ำหมักผลไม้
เครื่องดื่มอย่างน้ำหมักผลไม้ก็ควรมีติดตู้เย็นไว้ในช่วงหน้าฝนนี้ เพราะผลไม้รสเปรี้ยว อย่างส้ม มะนาว เกรปฟรุต สตรอว์เบอร์รี องุ่น และอีกหลาย ๆ อย่างนี้มีวิตามินซีสูงที่จะช่วยรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติดี ร่างกายเราก็จะแข็งแรง ไม่โดนเชื้อโรคร้ายใด ๆ คุกคามได้ง่าย ๆ นั่นเอง และถ้าอยากจะมิกซ์แอนด์แมตช์ผลไม้ชนิดไหนหมักรวมกันก็ตามชอบใจได้ประโยชน์เห็น ๆ แนว ๆ ไม่ตกเทรนด์ด้วย [สูตรจาก คุณ isweet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม]
สิ่งที่ต้องเตรียม
          • ผลไม้ตามชอบ [ดูตัวอย่างการเลือกผลไม้แต่ละชนิดมาผสมกันได้ที่ 60 สูตรน้ำหมักผลไม้แบบไทย ๆ เครื่องดื่มสุขภาพสุดฮิต]
          • น้ำแข็ง
          • น้ำแร่ หรือ น้ำสะอาด
          • ขวดหรือกระบอก
วิธีทำ
          • 1. นำผักหรือผลไม้ที่ชอบมาล้างให้สะอาดแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เด็ดผักเป็นใบหรือทั้งก้านตามสะดวก (ให้ใส่ขวดได้เป็นพอ) 
          • 2. นำผักและผลไม้ใส่ลงขวดหรือกระบอกที่เตรียมไว้ ใช้ช้อนยาว ๆ บี้นิดหน่อยให้น้ำผลไม้และน้ำมันหอมระเหยของผักออกมา ใส่น้ำแข็งลงไป ตามด้วยน้ำสะอาด ปิดฝา นำไปแช่เย็น หมักขั้นต่ำ 1 ชั่วโมง ในกรณีต้องการดื่มแบบเย็นสะใจ แช่ไม่นาน (แต่ถ้าต้องการหมักข้ามวัน ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำแข็งค่ะ)  

 นอกจากทั้ง 8 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพรับหน้าฝนเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันและบำรุงร่างกายของเราให้พร้อมและแข็งแรงอยู่เสมอได้แล้ว เรื่องของรสชาติและความอร่อยก็ไม่เป็นสองรองใคร จดสูตรเก็บไว้ให้พร้อม !
----------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น