สวัสดีค่ะ
มาอีกแล้วกับเขียนบอกเล่าถึงการเดินทาง
นี่คือทริปที่เราอยากเขียนมากที่สุดแห่งปี เพราะมันคือการเดินทางที่พิเศษที่สุดของเราในปีนี้ค่ะ
นั่นก็คือการเดินทางมุ่งสู่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้
" ปัตตานี , ยะลา , นราธิวาส "
เราชวนใครก็ต่างส่ายห้ว มีบ้างที่อย่างไปแต่ก็ติดภารกิจ
..หลายคนบอกว่าแค่ได้ยินชื่อก็นึกกลัวแล้วก็ตามที่รู้ๆกันอยู่ว่าข่าวที่ออกมามีแต่เหตุการณ์ความไม่สงบ
เรื่องระเบิดตามที่ต่างๆ เพื่อนๆมักจะบอกเราว่า
"ไม่กลัวเหรอ???"
มาเริ่มจากการเดินทางกันก่อนค่ะแพลนของพวกเราสามพี่น้องคือ
เมื่อมาถึงหาดใหญ่แล้วก็จะเช่ารถเที่ยว 3 วัน ให้ครบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเช่ารถของAvis 3
วันราคาอยู่ที่ 3,297บาทค่ะ
เราเลือกบินไฟล์ทกลางคืนวันที่9/11/2559 ตอน21:05น.จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ โดยบินลงหาดใหญ่
ถึงตอน 22:35น. กินข้าวกินปลา และหาที่พักโดยนอนHostelแถวสถานีรถไฟหาดใหญ่ 1คืน(คนละ300บาท)
จุดแรกคือในภาพคือ หาดสะกอม อ.จะนะ
จ.สงขลา
รอชมแสงแรกกันที่นี่
ที่แรกที่แวะคือ "
มัสยิดกลางปัตตานี " ซึ่งตั้งอยู่ที่ตัวเมืองปัตตานี ริมถนนสายปัตตานี-ยะลา
จุดที่ต่อไป คือ หอดูนก ม.อ. ปัตตานี
ที่นี่เป็นเส้นทางเรียนรู้ป่าชายเลน ที่ครอบคลุมพื้นที่ป่าชายเลนทั้งหมด ในระยะทาง 1,500 เมตร
เที่ยวหอดูนกเสร็จก็ 9 โมงพอดี เรามีนัดกับร้านอร่อยของ จ. ปัตตานี นั่นคือราดหน้าร้าน
"นำรส"ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามที่ทำการไปรษณีย์ เปิดตอน9โมง
หลังจากอิ่มท้องก็มาต่อกันที่
"แหลมตาชี" เป็นจุดจอดเรือประมงของชาวบ้าน ตรงแถวนี้ต้นสนเยอะมากๆ
ตอนแรกกะถ่ายรูปแถวต้นสนซักหน่อย แต่ยุงเยอะมากๆ
เลยอยู่เก็บภาพแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
ที่นี่เป็นหาดทรายที่เกิดขึ้นใหม่ตามแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย
ในพื้นที่ระหว่างหมู่ 1-3
บ้านตะโล๊ะสมิแล หลังจากตลอดช่วง 20
ปี ที่ผ่านมาคลื่นได้กัดเซาะเอาผืนดินของชาวบ้านนับร้อยๆ ไร่
หายไปในทะเล
ขับกันมาเรื่อยๆก็เข้าสู่จังหวัดยะลา
บ่ายแล้วเริ่มหิว
พวกเราแวะชิมเมนูปักษ์ใต้
"ต้มพุงวัว"
หรือต้มเครื่องในวัวนั่นเอง คือภาคใต้จะเรียกเครื่องในวัวว่า พุงวัว
ข้างร้านต้มพุงวัวมีกะหรี่ปั๊บขายด้วย
ทำกันสดๆ อร่อยมากๆ ชิ้นละ5บาทเท่านั้นกะหรี่ปั๊บเป็นอาหารแบบตะวันตกผสมกับอินเดีย
ได้รับความนิยมจากชาวมุสลิมในประเทศไทย
ร้านนี้คนซื้อกันเยอะมาก
สั่งทีถุงใหญ่ๆ ทำไม่ทันขายกันเลยทีเดียว ไม่ลองไม่ได้แล้ว ร้านนี้อร่อยมากแป้งอร่อย ไส้กลมกล่อม มีไส้ไก่/ไส้ปลา/ไส้มัน
พวกเราซื้อไป100บาท เพื่อไว้เป็นเสบียงตอนขึ้นเขา
ต้องบอกก่อนว่าเป้าหมายในการเดินทางทริปนี้คือการพิชิตยอดเขากุนุงซิลิปัต(ฆูนุงซีรีปัต)
ซึ่งการเดินทางไปที่นี่เพื่อความสะดวกและปลอดภัยควรไปกับคนในท้องถิ่น..
เริ่มต้นการเดินทางกันเลย เจอกับทีมสต๊าฟที่
กม.28
ระหว่างทางมองเห็นยอดเขากุนุงซิลิปัต...นั่นแหละ
ยอดเขาที่พวกเราสามพี่น้องจะไปพิชิตกัน
ฝนตกตลอดทำให้เริ่มหนาวๆ..เลยมาอาศัยความอบอุ่นๆแถวๆกองไฟตรงนี้
พวกเราสามคนตื่นตี5รีบเดินขึ้นยอดเขากุนุงซิลิปัต ถึงเป็นกลุ่มแรก... ดีใจมากๆ แม้จะยังมืดๆ
แต่ก็เห็นได้ชัดว่ารอบๆตัวเราคือ "อภิมหาทะเลหมอก"
มันคือทะเลหมอกที่หนาแน่นที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเห็น
ทะเลหมอกที่นี่มีความพิเศษคือ
ข้างบนเป็นยอดเขาที่มีพื้นที่ไม่กว้างนัก
เมื่อยืนอยู่ข้างบนเราจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกรอบตัว 360 องศา พวกเราอยู่ใกล้ชิดทะเลหมอกมาก
ขาลงเดินไปเรื่อยๆชมสิ่งมีชีวิตเล็กๆข้างทาง
..มีเห็ดแชมเปญด้วยนะ ^^
หลังจากที่ลงจากเขาเป็นอันเรียบร้อย
พวกเราก็ล้างเนื้อล้างตัว และพากันมาแวะที่ร้านพิซซ่า กม. 32 " DARINA
PIZZA " ร้านพิซซ่าร้านเดียวในแถบนี้
เป็นร้านของ "บังมัง" คนทำพิซซ่า คือภรรยาของบังนั่นเอง
โดยทางร้านมีแนวคิดว่า ที่นี่อยู่ห่างไกลทำให้ พิซซ่าเป็นอาหารที่หากินค่อนข้างยาก
จึงได้ตั้งร้านนี้ขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นร้านพิซซ่า
ร้านเดียวในพื้นที่แถบนี้เลยก็ว่าได้
ถึงเวลาที่ต้องอำลาที่นี่แล้ว..ยังไม่อยากกลับเลย
ถ้ามีโอกาสคงจะมาเที่ยวที่นี่อีก ..ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างที่ใครๆพูดกัน
ถ้ามาคราวหน้ากะว่าจะพัก"บ้านทะเลหมอก"บ้านพักโฮมสเตย์ของบังมัง
ซึ่งอยู่ใกล้ๆจุดชมทะเลหมอกเลย แอบกระซิบถามราคา ราคาถูกมากๆ คือถ้ามาไม่เกิน 7 คนจะราคา700 บ.
และถ้า 7 คนขึ้นไป
เพิ่มคนละ100 (ไม่รวมอาหาร)
.
.
คราวหน้าถ้าได้มาจะมาเล่น
พาราเพลนเหนือทะเลหมอกด้วย ซึ่งอันนี้เป็นกิจกรรมใหม่ของที่นี่ บินมุดทะเลหมอกคงจะฟินน่าดู
แล้วเราจะพบกันอีก ^____^
ที่มา:pantip.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น