21 ธันวาคม 2559

[CR]สามพี่น้องพิชิต3จังหวัดชายแดนภาคใต้(ตอน:กุนุงซิลิปัตทะเลหมอกสุดปลายด้ามขวาน#ยะลา)


สวัสดีค่ะ มาอีกแล้วกับเขียนบอกเล่าถึงการเดินทาง
นี่คือทริปที่เราอยากเขียนมากที่สุดแห่งปี  เพราะมันคือการเดินทางที่พิเศษที่สุดของเราในปีนี้ค่ะ
นั่นก็คือการเดินทางมุ่งสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
" ปัตตานี , ยะลา , นราธิวาส "
เราชวนใครก็ต่างส่ายห้ว  มีบ้างที่อย่างไปแต่ก็ติดภารกิจ ..หลายคนบอกว่าแค่ได้ยินชื่อก็นึกกลัวแล้วก็ตามที่รู้ๆกันอยู่ว่าข่าวที่ออกมามีแต่เหตุการณ์ความไม่สงบ เรื่องระเบิดตามที่ต่างๆ    เพื่อนๆมักจะบอกเราว่า
"ไม่กลัวเหรอ???"
มาเริ่มจากการเดินทางกันก่อนค่ะแพลนของพวกเราสามพี่น้องคือ เมื่อมาถึงหาดใหญ่แล้วก็จะเช่ารถเที่ยว วัน ให้ครบ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเช่ารถของAvis 3 วันราคาอยู่ที่ 3,297บาทค่ะ
เราเลือกบินไฟล์ทกลางคืนวันที่9/11/2559 ตอน21:05น.จะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ โดยบินลงหาดใหญ่ ถึงตอน 22:35น. กินข้าวกินปลา และหาที่พักโดยนอนHostelแถวสถานีรถไฟหาดใหญ่ 1คืน(คนละ300บาท)
จุดแรกคือในภาพคือ หาดสะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา
รอชมแสงแรกกันที่นี่

ที่แรกที่แวะคือ " มัสยิดกลางปัตตานี " ซึ่งตั้งอยู่ที่ตัวเมืองปัตตานี ริมถนนสายปัตตานี-ยะลา
จุดที่ต่อไป คือ หอดูนก ม.อ. ปัตตานี

ที่นี่เป็นเส้นทางเรียนรู้ป่าชายเลน  ที่ครอบคลุมพื้นที่ป่าชายเลนทั้งหมด ในระยะทาง 1,500 เมตร
เที่ยวหอดูนกเสร็จก็ 9 โมงพอดี เรามีนัดกับร้านอร่อยของ จ. ปัตตานี นั่นคือราดหน้าร้าน "นำรส"ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามที่ทำการไปรษณีย์ เปิดตอน9โมง

หลังจากอิ่มท้องก็มาต่อกันที่ "แหลมตาชี" เป็นจุดจอดเรือประมงของชาวบ้าน ตรงแถวนี้ต้นสนเยอะมากๆ ตอนแรกกะถ่ายรูปแถวต้นสนซักหน่อย แต่ยุงเยอะมากๆ เลยอยู่เก็บภาพแค่แป๊บเดียวเท่านั้น


ที่นี่เป็นหาดทรายที่เกิดขึ้นใหม่ตามแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ในพื้นที่ระหว่างหมู่ 1-3 บ้านตะโล๊ะสมิแล  หลังจากตลอดช่วง 20 ปี ที่ผ่านมาคลื่นได้กัดเซาะเอาผืนดินของชาวบ้านนับร้อยๆ ไร่ หายไปในทะเล
ขับกันมาเรื่อยๆก็เข้าสู่จังหวัดยะลา
บ่ายแล้วเริ่มหิว พวกเราแวะชิมเมนูปักษ์ใต้
"ต้มพุงวัว" หรือต้มเครื่องในวัวนั่นเอง คือภาคใต้จะเรียกเครื่องในวัวว่า พุงวัว
ข้างร้านต้มพุงวัวมีกะหรี่ปั๊บขายด้วย ทำกันสดๆ อร่อยมากๆ ชิ้นละ5บาทเท่านั้นกะหรี่ปั๊บเป็นอาหารแบบตะวันตกผสมกับอินเดีย ได้รับความนิยมจากชาวมุสลิมในประเทศไทย
ร้านนี้คนซื้อกันเยอะมาก สั่งทีถุงใหญ่ๆ ทำไม่ทันขายกันเลยทีเดียว ไม่ลองไม่ได้แล้ว  ร้านนี้อร่อยมากแป้งอร่อย ไส้กลมกล่อม มีไส้ไก่/ไส้ปลา/ไส้มัน พวกเราซื้อไป100บาท เพื่อไว้เป็นเสบียงตอนขึ้นเขา
ต้องบอกก่อนว่าเป้าหมายในการเดินทางทริปนี้คือการพิชิตยอดเขากุนุงซิลิปัต(ฆูนุงซีรีปัต) ซึ่งการเดินทางไปที่นี่เพื่อความสะดวกและปลอดภัยควรไปกับคนในท้องถิ่น..
เริ่มต้นการเดินทางกันเลย เจอกับทีมสต๊าฟที่ กม.28
ระหว่างทางมองเห็นยอดเขากุนุงซิลิปัต...นั่นแหละ ยอดเขาที่พวกเราสามพี่น้องจะไปพิชิตกัน
ฝนตกตลอดทำให้เริ่มหนาวๆ..เลยมาอาศัยความอบอุ่นๆแถวๆกองไฟตรงนี้


พวกเราสามคนตื่นตี5รีบเดินขึ้นยอดเขากุนุงซิลิปัต ถึงเป็นกลุ่มแรก... ดีใจมากๆ แม้จะยังมืดๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ารอบๆตัวเราคือ "อภิมหาทะเลหมอก" มันคือทะเลหมอกที่หนาแน่นที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเห็น


ทะเลหมอกที่นี่มีความพิเศษคือ ข้างบนเป็นยอดเขาที่มีพื้นที่ไม่กว้างนัก เมื่อยืนอยู่ข้างบนเราจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกรอบตัว 360 องศา  พวกเราอยู่ใกล้ชิดทะเลหมอกมาก

ขาลงเดินไปเรื่อยๆชมสิ่งมีชีวิตเล็กๆข้างทาง ..มีเห็ดแชมเปญด้วยนะ ^^

หลังจากที่ลงจากเขาเป็นอันเรียบร้อย พวกเราก็ล้างเนื้อล้างตัว และพากันมาแวะที่ร้านพิซซ่า กม. 32 " DARINA PIZZA "  ร้านพิซซ่าร้านเดียวในแถบนี้   เป็นร้านของ "บังมัง" คนทำพิซซ่า คือภรรยาของบังนั่นเอง โดยทางร้านมีแนวคิดว่า ที่นี่อยู่ห่างไกลทำให้ พิซซ่าเป็นอาหารที่หากินค่อนข้างยาก จึงได้ตั้งร้านนี้ขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นร้านพิซซ่า ร้านเดียวในพื้นที่แถบนี้เลยก็ว่าได้
ถึงเวลาที่ต้องอำลาที่นี่แล้ว..ยังไม่อยากกลับเลย
ถ้ามีโอกาสคงจะมาเที่ยวที่นี่อีก ..ที่นี่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างที่ใครๆพูดกัน ถ้ามาคราวหน้ากะว่าจะพัก"บ้านทะเลหมอก"บ้านพักโฮมสเตย์ของบังมัง ซึ่งอยู่ใกล้ๆจุดชมทะเลหมอกเลย แอบกระซิบถามราคา ราคาถูกมากๆ คือถ้ามาไม่เกิน 7 คนจะราคา700 บ.
และถ้า 7 คนขึ้นไป เพิ่มคนละ100 (ไม่รวมอาหาร)
.
.
คราวหน้าถ้าได้มาจะมาเล่น พาราเพลนเหนือทะเลหมอกด้วย ซึ่งอันนี้เป็นกิจกรรมใหม่ของที่นี่  บินมุดทะเลหมอกคงจะฟินน่าดู
แล้วเราจะพบกันอีก ^____^

ที่มา:pantip.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น